บทความ

สำรวจความสำคัญและวิธีการจัดเรียงสินค้าบนพาเลท

จัดการสินค้าในคลังอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยวิธีการจัดเรียงสินค้าแบบวางพาเลท (Pallet) ที่เหมาะสม เพื่อให้สะดวกต่อการเคลื่อนย้ายสินค้าที่รวดเร็ว ปลอดภัย ทั้งยังช่วยประหยัดพื้นที่ให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อีกมากมาย สำหรับผู้ประกอบการที่กำลังมองหาโซลูชันเพื่อบริหารจัดการระบบการวางพาเลทอยู่ บอกเลยว่าบทความนี้มีคำตอบ !

รู้จักวิธีการจัดเรียงสินค้าบนพาเลทสำหรับคลังสินค้า

ความสำคัญของการจัดเรียงสินค้าโดยพาเลท

การจัดเรียงสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจ และหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายคือ การใช้พาเลท (Pallet) ในการจัดเรียงและขนส่งสินค้า โดยพาเลทเป็นแท่นรองรับสินค้าที่ทำจากหลากหลายวัสดุ ทั้งทำจากไม้ พลาสติก หรือโลหะ ซึ่งจะออกแบบมาเพื่อรองรับน้ำหนักสินค้าและอำนวยความสะดวกในการยกและเคลื่อนย้ายสินค้าด้วยอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น รถยกฟอร์กลิฟต์ หรือรถเข็นสำหรับขนย้ายทั่วไป

แน่นอนว่าการนำพาเลทมาใช้ในการจัดเรียงสินค้า ไม่เพียงแต่จะเป็นการปฏิบัติตามมาตรฐานอุตสาหกรรมเท่านั้น แต่ยังนำมาซึ่งประโยชน์มากมายที่ส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการดำเนินงาน ต้นทุน และคุณภาพของการบริหารงานคลัง โดยสามารถสรุปความสำคัญได้ ดังนี้

1. เพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่ง

การใช้พาเลทช่วยให้การขนย้ายสินค้าจำนวนมากทำได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น โดยใช้อุปกรณ์ เช่น รถยกหรือรถเข็นพาเลท ทำให้ประหยัดเวลาและแรงงานในการขนถ่ายสินค้า นอกจากนี้ยังช่วยให้การจัดเรียงสินค้าในรถบรรทุกหรือตู้คอนเทนเนอร์เป็นไปอย่างมีระเบียบและใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่า

2. เพิ่มพื้นที่จัดเก็บ

การจัดเรียงสินค้าบนพาเลทช่วยให้สามารถวางซ้อนกันได้สูงขึ้น ทำให้ใช้พื้นที่ในแนวตั้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้สามารถจัดเก็บสินค้าได้มากขึ้นในพื้นที่เท่าเดิม ทั้งยังช่วยลดต้นทุนในการเช่าหรือสร้างพื้นที่คลังสินค้าเพิ่มเติมอีกด้วย

3. ปกป้องสินค้าจากความเสียหาย

เพราะพาเลทมีหน้าที่ช่วยยกสินค้าให้พ้นจากพื้น ซึ่งมีข้อดีในการป้องกันความชื้นและความเสียหายจากการกระแทกระหว่างการขนย้าย นอกจากนี้ การจัดเรียงสินค้าบนพาเลทอย่างเหมาะสมยังช่วยกระจายน้ำหนักและป้องกันการทับกันของสินค้า ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดความเสียหายระหว่างการจัดเก็บและขนส่ง

4. เพิ่มความสะดวกในการตรวจนับสินค้า

การจัดเรียงสินค้าบนพาเลท ช่วยให้การตรวจนับสินค้าทำได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น เนื่องจากมีการจัดเรียงสินค้าเป็นหน่วยที่ชัดเจน ทำให้ตรวจสอบปริมาณสินค้าคงคลังได้อย่างแม่นยำ และลดเวลาในการทำงานของพนักงาน

5. สร้างภาพลักษณ์ที่เป็นมืออาชีพ

การจัดเรียงสินค้าบนพาเลทอย่างเป็นระเบียบ ช่วยสร้างความประทับใจแก่ลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ แสดงถึงความเป็นมืออาชีพในการจัดการสินค้าและคลังสินค้าที่เป็นไปตามมาตรฐาน แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของบริษัทและความน่าเชื่อถือในการดำเนินธุรกิจได้อย่างแน่นอน

มาตรฐานของการจัดเรียงสินค้าบนพาเลท

สำหรับมาตรฐานการจัดวางสินค้าบนพาเลท เป็นการควบคุมกระบวนการจัดการสินค้าและโลจิสติกส์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยมาตรฐานเหล่านี้จะได้รับการพัฒนาและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สนองต่อความต้องการบริหารคลังสินค้า และความปลอดภัยในพื้นที่ปฏิบัติงานได้อย่างครอบคลุม ภายใต้ 3 ปัจจัยหลัก ดังนี้

Pallet stacking standards for warehouses

1. ขนาดพาเลท

ขนาดของพาเลท ถือได้ว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างมากต่อการจัดเรียงสินค้า โดยในปัจจุบันจะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมดมาตรฐาน 3 ขนาดหลัก ดังนี้

  1. ยูโรพาเลท (Euro Pallet) : มีขนาดอยู่ที่ 80 x 120 เซนติเมตร นับเป็นโครงสร้างตามมาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practice) และ HACCP (Hazard Analysis and Critical Control Points) ซึ่งเป็นมาตรฐานด้านความปลอดภัยอาหาร ยูโรพาเลทได้รับความนิยมในแถบยุโรป เนื่องจากมีความเหมาะสมกับระบบขนส่งและคลังสินค้าในภูมิภาคนี้
  2. แจแปนพาเลท (Japan Pallet) : มีขนาด 110 x 110 เซนติเมตร เป็นขนาดที่ได้รับความนิยมในแถบอาเซียน โดยมีขนาดที่เหมาะสมกับระบบขนส่งและการจัดเก็บในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
  3. อเมริกันพาเลท (American Pallet) : มีขนาด 100 x 120 เซนติเมตร เป็นขนาดพาเลทพลาสติกที่นิยมใช้อย่างแพร่หลายในสหรัฐอเมริกา แคนาดา และเป็นขนาดพาเลทพลาสติกที่ใช้กันมากในประเทศไทย

2. วัสดุของพาเลท

สำหรับวัสดุของพาเลท ในปัจจุบันถือว่ามีให้เลือกค่อนข้างหลากหลาย โดยแต่ละประเภทจะมีข้อกำหนดเฉพาะในการใช้งานและการรับน้ำหนัก

  • พาเลทไม้ : ต้องผลิตตามกฎ IPPC (International Plant Protection Convention) เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของศัตรูพืช เช่น เชื้อรา แมลง และปลวกกัดกิน ดังนั้น หากจะมีการใช้พาเลทไม้ในการขนส่งระหว่างประเทศ ควรจะต้องมีเครื่องหมาย IPPC กำกับเสมอk.
  • พาเลทพลาสติก : เป็นวัสดุที่มีความทนทาน น้ำหนักเบา ในขณะเดียวกันก็สามารถดูแลรักษาได้ง่าย จึงหมดกังวลเรื่องปัญหาจากความชื้น และปัญหาอื่น ๆ ที่เจอในพาเลทไม้ ในขณะเดียวก็สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้หลายครั้ง และคุ้มค่ามากอีกด้วย
  • พาเลทเหล็ก : ที่สุดของวัสดุพาเลทที่มีคุณสมบัติครอบคลุมมากที่สุด ทั้งความทนทานและความปลอดภัย ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถกันไฟได้ดี ไม่เป็นเชื้อเพลิงให้เกิดการลุกลาม สามารถรับน้ำหนักได้มากกว่าพาเลททุกชนิด เหมาะกับอุตสาหกรรมที่มีสินค้าหนัก

3. ระบบการจัดเรียงพาเลท

ในส่วนของระบบการจัดเรียงสินค้าบนพาเลท ก็ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ต้องคำนึงถึงให้ละเอียดถี่ถ้วน โดยในปัจจุบันจะมีอยู่หลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น
  • การจัดเรียงแบบ Column Stack : เป็นการวางพาเลทสินค้าซ้อนกันแบบบล็อก ภายใต้การจัดวางตำแหน่งที่แม่นยำ เหมาะสำหรับสินค้าที่มีความแข็งแรงและทนทานต่อแรงกดทับ
  • การจัดเรียงแบบ Interlocking Stack : เป็นการจัดพาเลทวางสินค้าสลับฟันปลา ช่วยเพิ่มความมั่นคงและลดโอกาสการล้มของกองสินค้า
  • การจัดเรียงบน Racking System : เป็นการจัดพาเลทสินค้าบนระบบชั้นวาง โดยทั่วไปจะพบได้ในโรงงานอุตสาหกรรมหรือคลังสินค้าขนาดใหญ่ ใช้ได้ทั้ง Drive-in Racking System และ Push Back Racking System
  • การรัดสินค้า : ใช้สายรัดหรือฟิล์มพลาสติกพันรอบสินค้าบนพาเลท เพื่อป้องกันสินค้าเคลื่อนที่ระหว่างการขนส่ง ให้ไปถึงจุดหมายปลายทางได้โดยสวัสดิภาพ

การจัดวางสินค้าบนพาเลทมีกี่วิธี ?

หลังจากรู้วิธีการจัดเรียงพาเลทตามมาตรฐานที่นิยมกันอย่างแพร่หลายไปแล้ว ลำดับถัดมาลองมาดูวิธีการจัดเรียงสินค้าบนพาเลทกันบ้าง ว่าจะมีกี่วิธีที่ช่วยคงสภาพให้สินค้าสามารถจัดส่งได้อย่างปลอดภัย ไม่ล้ม หรือเกิดความเสียหายจากการกดทับของการจัดวาง

  • จัดวางเป็นแถว : เป็นการจัดเรียงในสิ่งที่มีขนาดเท่ากัน จัดวางและซ้อนกันเป็นแถวเรียบร้อย ค่อนข้างแข็งแรง แค่ใช้อุปกรณ์ยึดติดอีกเล็กน้อย ก็นับว่าเรียบร้อย
  • จัดวางแบบสลับ : เป็นการจัดเรียงเฉพาะสำหรับของแข็งเท่านั้น ในกรณีที่ของมีขนาดไม่เท่ากัน โดยวางเรียงสลับกันตามความเหมาะสมเพื่อประหยัดพื้นที่

เพิ่มขีดความสามารถในการบริหารพื้นที่คลังสินค้า ด้วย ชั้นวางอุตสาหกรรมสำหรับวางพาเลทจาก Tellus ที่สุดของ Storage Solution ที่ได้มาตรฐาน เพราะเราเป็นผู้นำนวัตกรรมการจัดเก็บและการจัดการสินค้าที่เข้าใจทุกการใช้งาน พร้อมการันตีคุณภาพ และมาตรฐานรองรับน้ำหนักที่ปลอดภัย ทั้งยังมีบริการหลังการขายโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่คอยดูแลคุณตลอดการใช้งาน เพื่อตอบโจทย์ต่อการทำงานภายในคลังสินค้าของคุณมากที่สุด หากสนใจสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-643-8044

All search results