Rack protection and frame barriers Damage prevention equipment in warehouse

กันชนเสา กับ ราวกันชน อุปกรณ์ช่วยลดความเสียหายในโรงงาน

Rack protection and frame barriers Damage prevention equipment in warehouse
สำหรับเจ้าของโรงงาน หรือพนักงานในโรงงาน สิ่งสำคัญนอกจากทักษะเรื่องการใช้อุปกรณ์เครื่องมือในโรงงานแล้ว อุปกรณ์ช่วยเสริมความปลอดภัยเป็นอีกสิ่งที่ควรให้ความใส่ใจในการเลือกใช้อยู่เสมอ ซึ่งอุปกรณ์กันชนเสา และราวกันชน เป็น 2 อุปกรณ์จำเป็นที่ต้องมีติดโรงงานอยู่เสมอ วันนี้จะพาไปทำความรู้จักว่า กันชนเสา กับ ราวกันชน แตกต่างกันยังไง รวมถึงวิธีเลือกซื้อให้ได้คุณภาพที่ดี

รู้จัก กันชนเสา กับ ราวกันชน แตกต่างกันยังไง?

  • กันชนเสา (Rack Post Protector)

    คืออุปกรณ์ช่วยปกป้องเสาและลดแรงปะทะต่อเสาในอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งานรูปแบบต่าง ๆ เช่น ในโรงงานอุตสาหกรรมที่มักมีการใช้งานรถขนส่งสินค้า การมีกันชนเสาจะช่วยป้องกันเสาชั้นวางไม่ให้ได้รับความเสียหายจนอาจทำให้สินค้าร่วงหล่นลงมาได้ หรือเป็นอุปกรณ์ในการจราจรอย่างลานจอด ตัวกันเสาจะช่วยป้องกันการถอยรถไปกระแทกโดนเสา หรือผนังของลานจอดรถได้ เป็นต้น
  • วัสดุที่นิยมใช้ผลิตตัวกันกระแทกเสา

    คืออุปกรณ์ช่วยป้องกันความเสียหายจากการเฉี่ยวชนในพื้นที่ต่าง ๆ เหมาะสำหรับกั้นจุดสำคัญในบริเวณที่ต้องระวังเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นในโรงงานอุตสาหกรรมที่มีการใช้รถโฟล์คลิฟท์สำหรับขนย้ายสินค้าอยู่ตลอดเวลา หรือในพื้นที่ลานจอดรถที่ไม่มีเหล็กกั้น ราวกันชนจะช่วยป้องกันไม่ให้รถยนต์ถอยหรือพุ่งออกนอกพื้นที่อาคารลานจอดรถได้ เป็นต้น
กันชนเสา กับ ราวกันชน มีความแตกต่างกันที่รูปแบบและการติดตั้งสำหรับการใช้งาน แต่มีประโยชน์สำหรับช่วยลดแรงปะทะเมื่อเกิดอุบัติเหตุ และเพิ่มความปลอดภัยให้แก่พนักงาน สินค้า และชั้นวางต่าง ๆ ได้เหมือนกัน ซึ่งนับว่าเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญและจำเป็นในสถานที่ที่มีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุสูง อย่างในโรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น

คุณสมบัติ กันชนเสา กับ ราวกันชน ที่ดี มีคุณภาพ คุ้มกับการใช้งาน

สำหรับการทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม หรือพื้นที่ขนส่งสินค้า ที่มีสินค้าและชั้นวางเป็นจำนวนมาก รวมถึงมีรถโฟล์คลิฟท์วิ่งอยู่ตลอด การเลือกใช้กันชนเสา กับ ราวกันชน เป็นอุปกรณ์สำคัญที่จะช่วยลดความเสียหายจากอุบัติเหตุ และช่วยปกป้องพนักงานจากการบาดเจ็บได้ โดยควรเลือกแบบที่มีคุณภาพดี จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันได้ดียิ่งขึ้น โดยสามารถพิจารณาได้ดังนี้
  1. เลือกกันชนเสา กับ ราวกันชนที่ผลิตจากวัสดุที่มีความเหนียว ยืดหยุ่น และทนทาน
  2. เลือกอุปกรณ์ที่มีการพ่นสีหรือติดสติ๊กเกอร์สีเหลือง-ดำ ที่สามารถสะท้อนแสงในเวลากลางคืนได้
  3. เลือกอุปกรณ์ที่มีคุณสมบัติสามารถทนสนิม ทนการสึกกร่อนของน้ำ ไฟ และสารละลายได้ดี
  4. เลือกอุปกรณ์ที่มีอายุการใช้งานที่ยาวนานโดยไม่ต้องบำรุงรักษาให้ยุ่งยาก
  5. เลือกอุปกรณ์ที่สามารถใช้งานในสถานที่สำคัญอื่น ๆ ได้อีก
หากผู้ประกอบการ เจ้าของโรงงาน หรือพนักงานท่านใด ที่กำลังมองหาอุปกรณ์ที่ช่วยลดความเสียหายจากอุบัติเหตุ และเพิ่มความปลอดภัยแก่พนักงาน ที่ Tellus เราคือผู้นำนวัตกรรมการจัดการสินค้า และอุปกรณ์กันกระแทกเสา อย่างกันชนเสา กับ ราวกันชน ที่มีคุณภาพดี ราคาไม่แพง มีหลากหลายประเภทเลือกได้ตามต้องการ ตอบโจทย์โรงงานคุณ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-643-8044
7 ประโยชน์ของรถ AGV ที่ควรรู้

รถ AGV คืออะไร ดีต่อคลังสินค้าและระบบโลจิสติกส์อย่างไร

7 ประโยชน์ของรถ AGV ที่ควรรู้
รถ AGV เป็นหนึ่งในระบบจัดเก็บสินค้าอัตโนมัติ ช่วยบริหารคลังสินค้าและระบบโลจิสติกส์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ที่สำคัญยังสามารถประหยัดงบประมาณในระยะยาวได้อีกด้วย
ในบทความนี้เราจะพาทุกท่านไปดูว่า รถ AGV คืออะไร มีกี่ประเภท และประโยชน์ของรถ AGV ที่สำคัญมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย

รถ AGV คืออะไร

รถ AGV ย่อมาจากคำว่า Automated Guided Vehicles คือ รถขนส่งอัตโนมัติที่ช่วยลำเลียงสินค้าไปยังชั้นวาง หรือจุดที่กำหนดได้โดยที่ไม่ต้องมีคนขับหรือคนควบคุมรถ ทำงานในลักษณะคล้ายกับหุ่นยนต์ สามารถปรับเปลี่ยนเส้นทางการลำเลียงได้ตามความเหมาะสม นิยมใช้ในอุตสาหกรรมการขนส่งและระบบโลจิสติกส์ ช่วยลดการใช้แรงงาน และเพิ่มความปลอดภัยในสถานประกอบการ

ประเภทของรถ AGV

รถ AGV มีหลากหลายประเภทให้เลือกใช้งาน แต่โดยหลัก ๆ แล้วสามารถแบ่งได้ทั้งหมด 4 ประเภท ดังต่อไปนี้

  1. Unit Load Vehicles เป็นรถ AGV ที่เคลื่อนย้ายสินค้าจากสถานีหนึ่งไปยังสถานีหนึ่ง โดยจะเป็นการเคลื่อนย้ายสินค้าแบบ Unit Load หรือการเคลื่อนย้ายสินค้าที่อยู่ในถุง กล่อง หรือพาเลตที่มีขนาดมาตรฐาน เมื่อถึงสถานีจะใช้วิธีเคลื่อนตัวสินค้าเข้าไปยังชั้นหรือจุดวางสินค้าแบบอัตโนมัติ ไม่ต้องใช้แรงงานคน
  2. Pallet Trucks (Forklifts) ใช้ขนส่งสินค้าที่อยู่บนพาเลต โดยจะยกสินค้าจากสถานีหนึ่งไปยังสถานีหนึ่ง รวมถึงสามารถยกขึ้นชั้นอย่างปลอดภัย มีทั้งแบบขับเคลื่อนด้วยคนและขับเคลื่อนแบบอัตโนมัติ
  3. Driverless Trains (Towing) ใช้ขนส่งสินค้าแบบพ่วง คล้ายกับการลากตู้รถไฟ กล่าวคือ สินค้าจะถูกวางเอาไว้บนรถเข็นที่มีล้อ จากนั้นใช้รถ AGV เป็นหัวจักรลากรถสินค้าไปยังจุดที่กำหนด
  4. Automated Guided Carts (AGC) เป็นเหมือนรถเข็นในคลังสินค้า ที่จะขนส่งสินค้าไปยังเส้นทางที่กำหนดแบบอัตโนมัติ

7 ประโยชน์ของรถ AGV ที่ผู้ประกอบการต้องรู้

หลายคนอาจจะกำลังคิดว่า ทำไมเราจะต้องใช้รถ AGV และประโยชน์ของรถ AGV มีอะไรบ้าง เรามาดูกัน

ลดจำนวนการใช้แรงงาน

แน่นอนว่าการใช้รถ AGV ในการขนย้ายสินค้าแบบอัตโนมัติจะลดการจ้างแรงงานคนในส่วนนี้ ซึ่งอาจจะไม่ได้ลดการจ้างงานทั้งหมด แต่เราก็ไม่ต้องเสียค่าจ้างพนักงานขนสินค้าจำนวนมาก เพื่อขนสินค้าภายในระยะเวลาที่กำหนด

ลดความเสี่ยงของสินค้าเสียหาย

ด้วยระบบเซนเซอร์และกล้องที่ติดตั้งบนรถ AGV จึงทำให้สามารถเคลื่อนย้ายและจัดวางสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ หมดปัญหาเรื่องสินค้าเสียหายจากการขนย้ายด้วยกำลังคน

เพิ่มความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน

รู้หรือไม่ว่ามีอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับพนักงานซึ่งเกิดจากการขนย้ายสินค้าจำนวนมาก มีทั้งการบาดเจ็บเล็กน้อย บาดเจ็บหนัก หรือร้ายแรงจนกระทั่งเสียชีวิต ไม่ว่าจะเป็นกรณีการตกจากชั้นวางสินค้าที่อยู่สูง การโดนรถขนสินค้าชน หรือสินค้าหล่นลงมาทับ ด้วยเหตุนี้ประโยชน์ของรถ AGV ที่สำคัญก็คือ เรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินภายในคลังสินค้านั่นเอง

ราคาถูกกว่าระบบอัตโนมัติคงที่ (Fixed Automation Systems)

ผู้ประกอบการบางท่านอาจจะกำลังคิดว่า ใช้การลำเลียงสินค้าด้วยระบบอัตโนมัติคงที่ หรือแบบสายพานจะมีราคาถูกกว่าหรือไม่ แท้จริงแล้วรถ AGV นั้นมีราคาโดยรวมที่ถูกกว่า ติดตั้งอุปกรณ์น้อยกว่า ประหยัดเนื้อที่ในการทำงานมากกว่าอีกด้วย

เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ลดความผิดพลาด

การบริหารคลังสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่เพียงแค่การลำเลียงสินค้าอย่างปลอดภัยเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการตรวจรับสินค้า การคัดแยกประเภท การเก็บและดูแลสินค้า การจัดส่งสินค้า รวมไปถึงการนับสินค้าคงคลัง
ประโยชน์ของรถ AGV จึงไม่ได้จบที่ความรวดเร็วในการเคลื่อนย้ายสินค้าเท่านั้น ยังสามารถเช็กสินค้าคงคลังว่าเหลือมากน้อยเท่าไร ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ

สามารถทำงานได้ 24/7

ประโยชน์ของรถ AGV ที่เราจะต้องยอมรับว่าแรงงานคนสู้ไม่ได้ก็คือ การสามารถทำงานได้ 24 ชั่วโมงตลอด 7 วันใน 1 สัปดาห์ แบบไม่มีวันหยุด ไม่ต้องกังวลว่าจะเหน็ดเหนื่อย หรือผิดกฎหมายแรงงาน จึงสามารถทำงานได้อย่างว่องไว ไร้ข้อกังวล

มีความยืดหยุ่นสูง

ในขณะที่สายพานลำเลียงสินค้าจะต้องกำหนดเส้นทางการขนส่งสินค้าที่ชัดเจน เมื่อติดตั้งแล้วหากต้องการจะเปลี่ยนเส้นทางก็แทบจะรื้อระบบใหม่ทั้งหมด แต่รถ AGV สามารถปรับเปลี่ยนเส้นทางและพื้นที่ได้อิสระตามต้องการ ไม่จำกัด

เลือกซื้อรถ AGV รุ่นที่ต้องการได้ที่ Tellus

หากผู้ประกอบการท่านใดกำลังมองหา รถขนส่งอัตโนมัติ AGVคุณภาพเยี่ยม ราคาไม่แพง เพื่อใช้ในคลังสินค้า Tell us คือ ผู้จัดจำหน่ายระบบจัดเก็บด้วยเครื่องกล และอุปกรณ์แบบอัตโนมัติคุณภาพเยี่ยม มีหลากหลายประเภทเลือกได้ตามต้องการ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-643-8044
ชั้นลอยน็อคดาวน์สำหรับใช้งานในอุตสาหกรรม

เพิ่มพื้นที่จัดเก็บในคลังได้มากกว่า ด้วยชั้นลอยน็อคดาวน์!

เชื่อว่าโรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่งคงประสบกับปัญหาสินค้าล้นหรือมีพื้นที่จัดเก็บสินค้าไม่เพียงพอ แต่การขยายพื้นที่โรงงานเพิ่มเติมอาจมีค่าใช้จ่ายที่สูงต่อการลงทุน ขอชวนผู้ประกอบการมาทำความรู้จักกับชั้นลอยน็อคดาวน์ หนึ่งในตัวช่วยหากต้องการเพิ่มพื้นที่ใช้สอยภายในโรงงาน ให้มากขึ้น ซึ่งนอกจากความคุ้มค่าที่ได้แล้วยังลงทุนไม่สูงและตอบโจทย์กับการทำธุรกิจ
ชั้นลอยน็อคดาวน์สำหรับใช้งานในอุตสาหกรรม

“ชั้นลอยน็อคดาวน์” ตัวช่วยเพิ่มพื้นที่อเนกประสงค์

แก้ปัญหาพื้นที่จัดเก็บในโรงงานอุตสาหกรรมและคลังสินค้าไม่เพียงพอ ด้วยการนำโครงสร้างชั้นลอยน็อคดาวน์ (Mezzanine Floor Knock-Down) เข้ามาปรับใช้ภายในโรงงานอุตสาหกรรม โดยโครงสร้างชั้นลอยนี้จะมีความสูงโปร่ง และถูกออกแบบมาให้สามารถประกอบและรื้อถอนได้ง่าย สะดวกต่อการเคลื่อนย้าย รับน้ำหนักได้ดี และสามารถนำไปปรับใช้งานได้หลากหลายระดับ
สำหรับชั้นลอยน็อคดาวน์หากนำมาติดตั้งจะมีบันไดและราวกันตกมาให้พร้อม จึงช่วยเสริมความสะดวกสบายได้มากยิ่งขึ้น ตอบโจทย์ทุกจุดประสงค์การใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นช่วยเพิ่มพื้นที่สำหรับการจัดเก็บอุปกรณ์ภายในคลังสินค้า, เพิ่มพื้นที่ในส่วนสำนักงานภายในโรงงาน และช่วยให้สามารถจัดวางเครื่องจักรได้มากขึ้น เป็นต้น

ชั้นลอยน็อคดาวน์กับการใช้งาน

รู้หรือไม่ว่าหลาย ๆ ครั้ง ในโรงงานอุตสาหกรรมและโกดังสินค้า ต้องเผชิญกับปัญหาความแออัดของพื้นที่ใช้สอย ตลอดจนข้อจำกัดด้านการต่อเติมอาคารที่ทำให้ไม่สามารถขยายพื้นที่ได้อย่างเหมาะสม
การประยุกต์ใช้งานโครงสร้างเหล็กอย่างชั้นลอยน็อคดาวน์ จึงกลายเป็นทางออกที่สามารถตอบโจทย์ผู้ประกอบการได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็น การช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ประหยัดเวลาในการก่อสร้าง ตลอดจนการก้าวข้ามขีดจำกัดในเรื่องของพื้นที่ใช้สอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยผู้ประกอบการสามารถนำชั้นลอยไปปรับใช้ได้กับ 5 ส่วน ดังนี้

คลังสินค้า

ด้วยคุณสมบัติด้านการใช้งานของชั้นลอยแบบน็อคดาวน์ ที่สามารถช่วยเพิ่มพื้นที่การจัดเก็บให้เพิ่มมากขึ้น ทั้งยังสามารถรื้อถอนหรือขนย้ายได้ดั่งใจ ทำให้ช่วยประหยัดงบขยายคลังสินค้า แถมยังสามารถเก็บของได้มากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย

พื้นที่กระจายสินค้า

อีกหนึ่งพื้นที่ที่มีความสำคัญอย่างมากต่อการทำงานภายในโรงงานอุตสาหกรรม นั่นคือพื้นที่สำหรับรองรับสินค้าจำนวนมาก ก่อนที่จะกระจายไปยังจุดหมายปลายทางที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งการนำชั้นลอยโครงเหล็กแบบน็อคดาวน์ไปปรับใช้ ถือว่าเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมในหลาย ๆ ด้าน เพราะนอกจากจะช่วยกระจายความหนาแน่นของการจัดเก็บสินค้าได้อย่างสะดวกแล้ว ยังง่ายต่อการขนส่งและสร้างความเป็นระเบียบในการกระจายสินค้าได้อีกด้วย

พื้นที่ผลิตสินค้า

สามารถช่วยบริหารฐานการผลิต ที่สามารถเพิ่มกำลังเครื่องจักรให้กับโรงงานอุตสาหกรรมได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ด้วยชั้นลอยน็อคดาวน์อเนกประสงค์ ตัวเลือกดี ๆ ที่จะช่วยขยายพื้นที่ในการทำงานได้โดยไม่ต้องลงทุนสูง

พื้นที่ขายสินค้า

ตอบโจทย์ร้านขายสินค้า และ Outlet ที่อยากขยายพื้นที่ แต่มีข้อจำกัดด้านการต่อเติมอาคาร เพียงใช้ชั้นลอยน็อคดาวน์ ก็สามารถขยายพื้นที่อเนกประสงค์ได้อย่างสะดวก อีกทั้งไอเดียการติดตั้งชั้นลอยยังช่วยประหยัดงบได้มากกว่า

สำนักงานออฟฟิศ

สร้างพื้นที่สำนักงานในคลังสินค้าได้ง่ายขึ้น แค่ใช้ชั้นลอยโครงสร้างเหล็กน็อคดาวน์มาติดตั้ง ออฟฟิศชั่วคราวก็พร้อมใช้งาน ตอบโจทย์การประสานงานในคลังสินค้าได้แบบครบวงจร แถมยังประหยัด รื้อถอนสะดวก หรือติดตั้งใหม่ได้อย่างง่ายดาย

ข้อดีของชั้นลอยน็อคดาวน์ที่มีต่อโรงงานอุตสาหกรรม

  1. ออกแบบมาให้ประกอบและติดตั้งได้ง่าย สะดวกต่อการขนย้ายได้รวดเร็ว
  2. เพิ่มพื้นที่ใช้สอยได้อย่างคุ้มค่า ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการขยายพื้นที่ได้มากกว่า
  3. สามารถดัดแปลงการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ตอบโจทย์ทุกความต้องการ
  4. สามารถออกแบบชั้นลอยน็อคดาวน์ได้สูงกว่า 2-3 ชั้น
  5. สะดวก ปลอดภัย พร้อมรองรับน้ำหนักได้อย่างมั่นคง
หากผู้ประกอบการท่านใดที่ต้องการขยายพื้นที่ภายในโรงงานอุตสาหกรรมหรือในคลังสินค้า ชั้นลอยน็อคดาวน์คือหนึ่งในตัวเลือกที่เหมาะสมอย่างมาก และเป็นหนึ่งในชั้นลอยน็อคดาวน์บริการที่มีประสิทธิภาพจาก Tellus เพราะเราคือผู้นำนวัตกรรมการจัดเก็บและจัดวางสินค้าที่ผู้ประกอบการไว้วางใจ สนใจสอบถามหรือขอคำแนะนำเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 02-643-8044-8 หรือ Line @tellussystems @tellussystems.
ตู้เก็บเอกสารแบบรางเลื่อนดีอย่างไร?

รู้จักตู้เก็บเอกสารแบบรางเลื่อน ตัวช่วยดี ๆ สำหรับทุกธุรกิจ

ตู้เก็บเอกสารแบบรางเลื่อนดีอย่างไร?

หากพูดถึงอุปกรณ์สำนักงานภายในออฟฟิศ หนึ่งสิ่งที่หลายคนจะนึกถึงก็คือตู้เก็บเอกสาร แต่สำหรับการเลือกใช้งานตู้เก็บเอกสารภายในสำนักงาน จะสามารถเลือกใช้ได้หลากหลายประเภทตามความต้องการ ขอชวนทุกคนไปทำความรู้จักกับ “ตู้เก็บเอกสารแบบรางเลื่อน” อีกหนึ่งทางเลือกของการจัดเก็บเอกสารอย่างเป็นระบบ รับรองว่าตอบโจทย์องค์กรอย่างแน่นอน

ทำความรู้จักตู้เก็บเอกสารแบบรางเลื่อน

ตู้เก็บเอกสารแบบรางเลื่อน ตู้รางเลื่อน หรือตู้เลื่อน เป็นตู้เอกสารที่ติดตั้งระบบรางเลื่อนไป-มา โดยออกแบบมาเพื่อช่วยประหยัดพื้นที่ต่อการใช้งาน รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บและสะดวกต่อการใช้งานมากขึ้น นอกจากนี้ ตู้เก็บเอกสารแบบรางเลื่อนยังสามารถปรับรูปแบบการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบเพื่อให้เหมาะสมกับธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน ตู้เก็บเอกสาร ตู้เก็บสินค้า หรือชั้นวางหนังสือแบบรางเลื่อน และยังสามารถปรับแต่ง เพิ่มลวดลาย สีสันของด้านข้างชั้นวางเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานภายในออฟฟิศของคุณมากที่สุด

ตู้เก็บเอกสารแบบรางเลื่อนมีประเภทไหนบ้าง?

ตู้เก็บเอกสารรางเลื่อนแบบมือผลัก

ตู้เก็บเอกสารรางเลื่อนแบบมือผลัก สามารถใช้มือผลักได้ง่ายและสะดวกต่อการเคลื่อนย้าย เหมาะสำหรับออฟฟิศเล็ก ๆ หรือสถานที่ที่มีพื้นที่จำกัด และต้องการจัดเก็บเอกสารในจำนวนไม่มากเกินไป อีกทั้งเน้นการเก็บของที่มีน้ำหนักค่อนข้างเบา ไม่ว่าจะเป็นแฟ้มเอกสาร กล่องใส่เอกสาร สมุด หนังสือ และอุปกรณ์เครื่องเขียน เป็นต้น

ตู้เก็บเอกสารแบบรางเลื่อนดีอย่างไร?

ตู้เก็บเอกสารรางเลื่อนแบบมือหมุน

ตู้เก็บเอกสารรางเลื่อนแบบมือหมุน หรือ ตู้เก็บเอกสารรางเลื่อนแบบพวงมาลัยมือหมุน สามารถรองรับน้ำหนักในการจัดเก็บได้ดีกว่าตู้แบบมือผลัก เนื่องจากมีเกียร์ที่ช่วยกดแรง หากตู้เก็บเอกสารแบบรางเลื่อนของคุณมีน้ำหนักมาก ก็สามารถเคลื่อนย้ายได้ง่ายกว่าเดิม แถมยังช่วยให้คุณประหยัดพื้นที่ได้มากขึ้น แต่หากออฟฟิศของคุณมีขนาดพื้นที่ค่อนข้างกว้าง และมีเอกสารที่ต้องจัดเก็บเป็นจำนวนมาก เราขอแนะนำตู้เก็บเอกสารแบบรางเลื่อนประเภทนี้ เพราะสามารถช่วยให้คุณประหยัดแรง เวลา และพื้นที่ได้มากกว่าตู้เก็บเอกสารในแบบทั่วไป

ตู้เก็บเอกสารแบบรางเลื่อนดีอย่างไร?

ตู้เก็บเอกสารรางเลื่อนแบบไฟฟ้า

ตู้เก็บเอกสารรางเลื่อนแบบไฟฟ้า สามารถรองรับน้ำหนักการจัดเก็บได้ดีเท่ากับตู้แบบมือหมุน โดยสามารถเคลื่อนย้ายผ่านระบบไฟฟ้าอัตโนมัติทำให้ไม่ต้องใช้แรงขับเคลื่อน จึงทำให้ตู้เอกสารชนิดนี้สามารถจัดเก็บเอกสารจำนวนมากๆ ได้อย่างสบาย นอกจากนี้ยังสามารถเลือกสั่งการผ่านคอมพิวเตอร์ แท็บแล็ต และโทรศัพท์ให้สามารถขับเคลื่อนเพื่อสร้างความปลอดภัยของการจัดเก็บเอกสาร ตู้เอกสารชนิดนี้จึงเหมาะกับออฟฟิศที่มีเอกสารที่ต้องจำเก็บจำนวนน้อยไปจนถึงเยอะและต้องการเน้นการจัดเก็บแบบปลอดภัยขั้นสูงสุด

ตู้เก็บเอกสารแบบรางเลื่อนดีอย่างไร?

ข้อได้เปรียบของการใช้ตู้เก็บเอกสารแบบรางเลื่อน

ประหยัดพื้นที่ใช้สอย

ตู้เก็บเอกสารแบบรางเลื่อนนับว่าเป็นอีกหนึ่งเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน ที่ตอบโจทย์การใช้งานในพื้นที่จำกัดได้อย่างลงตัว เพราะนอกจากจะช่วยประหยัดพื้นที่จัดเก็บได้มากถึง 50% แล้ว ยังสามารถขยับหรือเลื่อนเข้า-ออกได้ง่าย หรือจะขยับให้ชิดติดกันหรือให้ห่างจากกันได้ตามต้องการ รวมถึงสามารถเลือกจัดวางตู้รางเลื่อนได้เต็มพื้นที่ได้ด้วยเช่นกัน

จัดเก็บเอกสารอย่างเป็นระบบ

แน่นอนว่าตู้เก็บเอกสารแบบรางเลื่อนจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บได้มากขึ้น พร้อมช่วยจัดการเอกสารและสิ่งของต่าง ๆ ได้อย่างเป็นหมวดหมู่ ทำให้สามารถจัดเก็บ หรือค้นหาเอกสารได้ง่ายยิ่งขึ้น

ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว

นอกจากตู้เก็บเอกสารแบบรางเลื่อนจะช่วยให้คุณประหยัดพื้นที่ใช้สอยได้กว่า 50% แล้ว ยังช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของการต่อเติม รีโนเวท หรือติดตั้งในส่วนที่ขยายเพิ่มเติม

เพิ่มความแข็งแรง ปลอดภัย

เนื่องจากเอกสารทางธุรกิจ หรือเอกสารต่าง ๆ ในบริษัทล้วนมีความสำคัญที่คุณควรเก็บรักษาในพื้นที่ที่มีความปลอดภัย ไม่ควรอยู่กระจัดกระจาย ซึ่งตู้เก็บเอกสารแบบรางเลื่อนจะช่วยเพิ่มความมั่นใจว่าเอกสารทั้งหมดจะถูกจัดเก็บอย่างปลอดภัย ลดโอกาสที่เอกสารจะชำรุดหรือสูญหายได้

เพิ่มความทันสมัย เสริมภาพลักษณ์ให้กับองค์กร

ในปัจจุบันนี้ ตู้เก็บเอกสารแบบรางเลื่อนมีดีไซน์ที่ทันสมัย และไม่น่าเบื่ออีกต่อไป อีกทั้งยังมาพร้อมกับฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลายและตอบโจทย์กับทุกธุรกิจ แถมตู้เก็บเอกสารแบบรางเลื่อนยังสามารถช่วยจัดระเบียบ และส่งเสริมภาพพจน์ที่ดีให้กับองค์กรให้ดูเรียบร้อย สะอาดตา และทันสมัยด้วย

3 ข้อควรรู้! เลือกตู้เก็บเอกสารแบบรางเลื่อนอย่างไรให้ตอบโจทย์?

  • เลือกจากความแข็งแรงทนทาน วัสดุที่ใช้ในการผลิต
  • เลือกจากขนาดที่เหมาะสม ตอบโจทย์พื้นที่การใช้งาน
  • เลือกจากราคาเหมาะสม คุ้มค่าราคา ใช้งานได้อย่างยาวนาน

เลือกซื้อตู้เก็บเอกสารแบบรางเลื่อน หลายแบบ หลายสไตล์ ที่ Tellus

หากคุณกำลังมองหาตู้เก็บเอกสารแบบรางเลื่อนที่มาพร้อมกับดีไซน์ที่สวยงาม ราคาคุ้มค่า และคุณภาพการใช้งานที่ทนทาน ที่ Tellus เราจำหน่ายตู้เก็บเอกสารแบบรางเลื่อน ตัวช่วยเพื่อความเป็นระเบียบสำหรับออฟฟิศทุกขนาด ตอบโจทย์เรื่องพื้นที่ที่มีอย่างจำกัด ให้คุณใช้พื้นที่ทุกตารางเมตรได้อย่างคุ้มค่า จัดเก็บและค้นหาสิ่งของและเอกสารได้ดีกว่าเดิม สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-643-8044

how-important-is-industrial-rack?

ชั้นวางอุตสาหกรรมจำเป็นหรือไม่ และมีเทคนิคการเลือกอย่างไร

ชั้นวางอุตสาหกรรมจำเป็นอย่างไร

ระบบการจัดเก็บสินค้าเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นต่อโรงงานอุตสาหกรรมอย่างยิ่ง เพราะคือสิ่งที่ช่วยให้การขายหรือส่งสินค้าเป็นไปด้วยความง่ายดายและสะดวกยิ่งขึ้น และหากพูดถึงคลังสินค้า สิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ ที่ผู้ประกอบการจำเป็นต้องให้ความใส่ใจก็คือ 'ชั้นวางอุตสาหกรรม' เพราะเป็นอุปกรณ์ที่จะช่วยให้การจัดเก็บสินค้ามีความเป็นระเบียบและพร้อมต่อการดำเนินการต่าง ๆ

ชั้นวางอุตสาหกรรม (RACKING SYSTEM) คืออะไร?

ชั้นวางอุตสาหกรรม คือ ชั้นเก็บสินค้าหรือของที่ผลิตแล้วในโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบ Push Back, แบบเคลื่อนที่, ชั้นวางสินค้าแบบยาว, ชั้นวางขนาดกลาง และชั้นวางขนาดเล็ก ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องมีการออกแบบชั้นวางสินค้าที่มีความเหมาะสมกับตัวสินค้า และระบบคลังสินค้า

สิ่งสำคัญที่เราจะต้องใส่ใจก็คือ ความแข็งแรงและความเหมาะสมของชั้นวางอุตสาหกรรมต้องให้สอดคล้องกับขนาดและน้ำหนักของสินค้า ซึ่งหากว่าในคลังสินค้ามีสินค้าหลากหลายประเภทและหลากหลายขนาด จะต้องมีการจัดเก็บที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการบริหารคลังสินค้า

ทำไมชั้นวางอุตสาหกรรมจึงมีความจำเป็น

1. ประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บ

ในการบริหารคลังสินค้า ยิ่งมีพื้นที่จัดเก็บสินค้ามากเท่าไร ก็จะยิ่งทำให้เราบริหารคลังสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น
ชั้นวางอุตสาหกรรมเป็นหนึ่งในเครื่องมือบริหารคลังสินค้าที่ช่วยจัดสรรพื้นที่ที่มีอยู่อย่างจำกัดให้ใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น โดยสามารถจัดเก็บสินค้าในแนวดิ่ง ซึ่งทำให้เราเหลือพื้นที่สำหรับกิจกรรมอื่น ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นส่วนของการผลิตสินค้า การแพ็กสินค้า หรือในส่วนของสำนักงานก็ตาม

2. จัดเก็บสินค้าได้จำนวนมาก

สมมุติในพื้นที่ 1 ตารางเมตร แต่เดิมเราอาจจะจัดเก็บสินค้าได้เพียงแค่ 10 ชิ้น หรือหากจะวางลังสินค้าซ้อนทับกันก็จะจำกัดเพียงแค่ไม่กี่ลังเท่านั้น เพราะหากยิ่งเพิ่มจำนวนลังที่ทับซ้อน จะยิ่งสร้างความเสียหายให้แก่ลังและสินค้าที่อยู่ด้านล่างมากขึ้นตามไปด้วย แต่หากว่าเรามีชั้นวางอุตสาหกรรมจะทำให้เราสามารถวางของและลังสินค้าในแนวดิ่งได้เพิ่มมากขึ้นอีกหลายเท่า และที่สำคัญคือ เพิ่มความปลอดภัยมากกว่าการวางสินค้าซ้อนต่อกันไปเรื่อย ๆ อีกด้วย

3. มีความเป็นระบบระเบียบ

ชั้นวางอุตสาหกรรมเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยให้เราสามารถจัดสินค้าได้อย่างเป็นระบบมากยิ่งขึ้น โดยเราสามารถจัดเรียงตามประเภท สี และขนาดของสินค้าแต่ละชนิด หรือตาม SKU (Stock Keeping Unit) ได้ ทำให้ค้นหาและจัดเรียงได้อย่างเป็นระเบียบ จัดเก็บง่าย ค้นหาก็สะดวกสบายยิ่งขึ้น

4. ตรวจเช็กสต็อกสินค้าได้ง่าย

แม้ว่าจะมีระบบบริหารจัดการสินค้าที่มีประสิทธิภาพและทันสมัย แต่เราก็ยังต้องตรวจนับสินค้าด้วยพนักงาน เพื่อตรวจสอบว่ายอดที่คงเหลือจริงกับยอดในระบบตรงกันหรือไม่ การจัดวางสินค้าบนชั้นวางอุตสาหกรรมจะช่วยให้พนักงานสามารถตรวจนับสินค้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ไม่ต้องเดินหาสินค้าหลายจุด

5. พนักงานทำงานสะดวก

ไม่ว่าจะเป็นการแพ็กสินค้า เคลื่อนย้ายสินค้า หรือการนับสต็อกก็สะดวกสบายยิ่งขึ้น ช่วยเพิ่มความรวดเร็วและประสิทธิภาพในการทำงาน

สิ่งที่ต้องเช็กก่อนเลือกชั้นวางอุตสาหกรรมที่ตอบโจทย์

ชั้นวางมีหลากหลายรูปแบบ ซึ่งเจ้าของกิจการควรจะต้องพิจารณาก่อนตัดสินใจเลือกชั้นวางดังต่อไปนี้

1. เช็กชนิดสินค้า

สิ่งแรกที่เราจะต้องพิจารณาในการเลือกประเภทของชั้นวางอุตสาหกรรมคือ ดูชนิดของสินค้าว่าเป็นแบบใด รวมถึงน้ำหนัก ขนาด และวิธีการจัดเก็บ เราเก็บแบบเป็นคลังสินค้าอย่างเดียว หรือว่าจะใช้แผ่นไม้พาเลทมารองรับ และจะต้องประเมินว่าเรามีปริมาณสินค้ามากน้อยแค่ไหน เพื่อที่จะได้คำนวณพื้นที่ จำนวนชั้นที่ต้องใช้ได้อย่างถูกต้อง

2. เช็กพื้นที่คลังสินค้า

ข้อนี้ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะในพื้นที่เดียวกันอาจจะมีการจัดสรรปันส่วนให้ใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย ทั้งส่วนของการผลิต การเก็บสินค้า ดังนั้น เราจะต้องดูพื้นที่ที่จะใช้สำหรับจัดเก็บสินค้า ทั้งแนวราบและแนวดิ่ง

3. เช็กแผ่นพาเลท

ปัจจุบันเราแบ่งพาเลทเป็น 4 ประเภท ได้แก่ พาเลทไม้ พาเลทพลาสติก พาเลทกระดาษ และพาเลทเหล็ก ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเลือกตามชนิดและขนาดของสินค้าว่าต้องการรับน้ำหนักเท่าไร และสามารถยกได้สูงเท่าไร

4. เช็กรถยกที่ใช้

สำหรับโรงงานใดที่มีรถยกอยู่แล้ว หรือมีแผนที่จะซื้อรถยก เราจะต้องดูความสามารถในการยกน้ำหนักของรถยกด้วย เพื่อที่จะสามารถยกสินค้าขึ้นสูงได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้ จะต้องมีพื้นที่ระหว่างชั้นให้รถสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างสะดวกสบายและปลอดภัย

สำหรับเจ้าของกิจการที่ต้องการออกแบบชั้นวางอุตสาหกรรม Tellus เราคือผู้นำนวัตกรรมการจัดเก็บและจัดวางสินค้า ยินดีให้คำปรึกษาชั้นวางที่เหมาะสมกับคุณ โทรศัพท์ 02-643-8044-8 หรือ Line @tellussystems